คนที่ประสพความสำเร็จเค้าอ่านหนังสือกันมั้ย
คนที่ประสพความสำเร็จเค้าอ่านหนังสือกันมั้ย
แน่นอน บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ แนะนำให้อ่านหนังสือ 1เล่มต่ออาทิตย์ ประมาณ 60 นาทีต่อวัน หรืออย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก อ่านหนังสือมากถึงวันละ 5-10 ชั่วโมง
แล้วเราล่ะ!! ควรใช้เวลาอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละเท่าไร?
คนดังยังอ่านหนังสือ แล้วโดยทั่วไป การอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมาย เช่น ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาสมองและคำศัพท์ และเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจ ฯลฯ หากต้องการได้รับประโยชน์เหล่านี้อย่างเต็มที่ คุณควรอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 20 นาที โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างนิสัยรักการอ่าน
เหตุผลหลักในการสร้างนิสัยรักการอ่านคือ มันจะทำให้การอ่านกลายเป็นเรื่องง่ายและเป็นไปโดยอัตโนมัติมากขึ้น ส่งผลให้คุณอ่านได้มากขึ้นและได้รับประโยชน์หลักจากการอ่านโดยใช้ความพยายามน้อยลง
ในการสร้างนิสัยรักการอ่าน ความถี่ในการอ่านแต่ละสัปดาห์สำคัญกว่าระยะเวลาที่ใช้อ่านจริงๆ ดังนั้น คุณควรอ่านทุกวัน แม้เพียงเล็กน้อย แค่วันละหนึ่งหน้าก็เพียงพอ ตราบใดที่ทำเป็นประจำทุกวัน อย่างไรก็ตาม ในอุดมคติแล้ว คุณควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที เนื่องจากการอ่านเพียงหนึ่งหน้าอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุผลอีกประการที่ควรอ่านอย่างน้อย 20 นาทีคือ โดยทั่วไปแล้วเราต้องใช้เวลาสักพักในการเริ่มต้นอ่าน เช่น หยิบหนังสือ หาที่เงียบๆ นั่งลง และทบทวนเนื้อหาที่อ่านไปก่อนหน้านี้ ฯลฯ กว่าจะได้เริ่มอ่านจริงๆ คุณอาจใช้เวลาไปประมาณ 5 นาทีในการเตรียมตัว ดังนั้นหากคุณอ่านเพียงหนึ่งหน้า (ซึ่งโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 2 นาที) คุณจะใช้เวลาในการเตรียมตัวมากกว่าเวลาที่ใช้อ่านจริง ซึ่งถือเป็นการใช้เวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
แน่นอนว่า 20 นาทีไม่ใช่ตัวเลขวิเศษอะไร 15 หรือ 30 นาทีก็ใช้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มอ่านน้อยกว่า 15 นาที ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น คุณจะใช้เวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือ การอ่าน 10 นาทีหรือแม้แต่ 5 นาทียังดีกว่าไม่ได้อ่านเลย เพราะอาจช่วยให้คุณสร้างนิสัยการอ่านประจำวันได้ แต่ถ้าคุณอ่านได้ 10 นาที คุณน่าจะพยายามอ่านให้นานขึ้นอีกนิดเพื่อให้ถึงอย่างน้อย 20 นาที
วิธีค้นหาเวลาการอ่านที่เหมาะสมสำหรับคุณ
แม้ว่าประมาณ 20 นาทีจะเป็นเวลาขั้นต่ำที่แนะนำต่อวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรอ่านมากกว่านั้น เวลาการอ่านที่เหมาะสมของคุณจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ
ในหนังสือชื่อดัง “How to Read” โดย Adler และ Doren ได้ระบุถึงเป้าหมายหลัก 3 ประการของการอ่าน:
⦁ เพื่อรับข้อมูล – กิจกรรมที่ใช้ความพยายามน้อย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวคุณมากนัก เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์
⦁ เพื่อความเข้าใจ – กิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายาม เปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณเข้าใจสิ่งต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ที่ทำให้คุณตีความประวัติศาสตร์ของประเทศในแง่มุมใหม่ที่ไม่เคยคิดมาก่อน
⦁ เพื่อความบันเทิง – ต้องใช้ความพยายามน้อยที่สุด เป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น การอ่านนวนิยายแฟนตาซี
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกฝน การอ่านวันละหนึ่งชั่วโมงถือว่าเหมาะสม สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับความเข้มข้นของกิจกรรมเช่นนี้แล้ว อาจขยายเวลาได้ถึงประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกินกว่านั้น
การอ่านลักษณะนี้ต้องใช้ความพยายามและอาจเรียกได้ว่าเป็น “การทำงานเชิงลึก” (deep work) ตามแนวคิดของ Cal Newport หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง การอ่านเชิงลึกจะเริ่มให้ผลตอบแทนที่ลดน้อยลง สำหรับคนส่วนใหญ่ จุดนี้อยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมง ดังนั้น หากคุณกำลังอ่านเนื้อหาที่ลึกซึ้งและซับซ้อน แนะนำให้อ่านวันละ 1 ถึง 4 ชั่วโมง แม้ว่าคุณสามารถอ่านได้นานกว่านั้น แต่หลังจากนี้ไปแล้ว ประสิทธิภาพการอ่านของคุณอาจลดลง
สุดท้าย ยังมีเป้าหมายการอ่านแบบอื่นๆ ที่ไม่ได้สนใจวิธีการหรือเนื้อหาที่อ่าน แต่มุ่งเน้นที่การอ่านให้จบตามจำนวนหนังสือหรือจำนวนหน้าในระยะเวลาที่กำหนด
ตัวอย่างเช่น หลายคนมักตั้งเป้าหมายปีใหม่ว่าจะอ่านหนังสือสัปดาห์ละเล่ม ในกรณีเช่นนี้ คุณสามารถคำนวณเวลาที่ควรอ่านต่อวันจากเป้าหมายของคุณได้
แปลจาก : https://learningrabbithole.com/
ทำปฏิทิน ตั้งโต๊ะ ปี 2568 /2025 แบบ 14 แผ่น มี 4 ชุด
(คลิกที่รูปภาพ เพื่อดูรูปแบบ ของปฏิทินตั้งโต๊ะ ชุดต่างๆ แบบมาตรฐานของโรงพิมพ์)
ทำปฏิทินตั้งโต๊ะ ปี 2568 /2025 แบบ 8 แผ่น มี 5 ชุด
(คลิกที่รูปภาพ เพื่อดูรูปแบบ ของปฏิทินตั้งโต๊ะ ชุดต่างๆ แบบมาตรฐานของโรงพิมพ์)
หมายเหตุ:
- รวมพิมพ์ชื่อ-ที่อยู่-โลโก้ 1 สี (ตามตัวอย่างในรูปภาพ) พร้อมออกแบบให้ฟรี
- พร้อมซองพลาสติกใสปากกาว (ไม่สกรีน / ไม่บรรจุ)
- จำนวนสั่งขั้นต่ำ 100 ชุด
- จัดส่งฟรีเขตกทม. และ ปริมณฑล
- ราคานี้ ยังไม่รวม VAT 7% (ขออนุญาตให้รับ VAT ทุกงาน)